
หลายคนคงมีคำถามในใจว่า แล้ว “มุมกล้อง” ที่เคยเป็นปัญหาในมาริโอซันไชน์ที่ปรับเปลี่ยนได้อิสระเกินไปนั้นยังคงมีใน ภาคนี้หรือเปล่า ยิ่งโลกของเกมเป็นทรงกลมแบบนี้ มุมกล้องของภาคนี้สามารถปรับเปลี่ยนได้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น โดยในมุมที่อาจเป็นมุมอับจะมีการปรับมุมกล้องให้อัตโนมัติเพื่อให้ผู้เล่น เล่นได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้เล่นเกมได้อย่างไหลและไม่ต้องหยุดเล่นเพื่อปรับมุมกล้องอย่างเคย และถ้าคุณเบื่อความซ้ำซากของการเข้าด่านซ้ำๆของภาค 64 และซันไชน์ละก็ มาริโอภาคนี้ก็ไม่ทำให้คุณผิดหวัง เพราะมีการเข้าด่านซ้ำน้อยลง แถมมีด่านให้เล่นมากขึ้น
ในส่วนที่ต้องพูดถึงต่อมาก็คือ “การควบคุมบังคับ” ที่ใช้แกนแอนาล็อกของนันชักไว้ควบคุมมาริโอ ส่วนท่าทางการกระโดดของมาริโอยังคงอยู่ครบถ้วน โดยยังใช้การกดปุ่ม A เพื่อกระโดดอยู่ และท่าใหม่ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับการโจมตีในโลกที่มีทรงกลมเป็นหลักนั้น ก็คือการ “สปิน” โดยเพียงแค่สะบัดข้อมือมาริโอก็จะหมุนตัวเพื่อทำให้ศัตรูมึน อีกส่วนที่เพิ่มเติมมาคือ “สตาร์พีช” ที่เก็บสะสมก็ทำได้ง่ายเพียงแค่ชี้วี รีโมตไปที่หน้าจอ และใช้สตาร์พีชโจมตีศัตรูได้ด้วยการเล็งเป้าและกด B เพื่อยิงที่สำคัญการนั่งรวบรวม “สตาร์พีช” นั้น แค่นั้นก็ให้ความสนุกเพลิดเพลินแล้ว แถมด้วยระบบช่วยกันเล่นที่ผู้เล่นสามารถให้เพื่อนมาช่วยเล่นได้โดย ผู้ช่วยเล่นจะช่วยเก็บสตาร์พีช, ช่วยแย่งเหรียญ หรือช่วยให้มาริโอกระโดดสูงขึ้น และยังช่วยหยุดศัตรูได้ ดังนั้นต่อให้เป็นผู้เล่นหน้าใหม่ก็เล่นได้ไม่มีปัญหา โดยรวมเป็นการควบคุมบังคับพื้นฐานที่เข้าถึงได้ง่าย และมาริโอมีความมั่นคงในการควบคุมมาขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ยังมีด่านที่ต้องใช้การควบคุมพิเศษ อย่างการจับจอยในแนวตั้งเพื่อควบคุมลูกบอลดาว หรือการบิดข้อมือเพื่อบังคับปลากระเบนให้เคลื่อนไหว ที่ใช้ความสามารถของวี รีโมตได้อย่างครบถ้วนกระบวนความ คราวนี้นินเทนโดใส่ลูกเล่นมาอย่างไม่มีกั๊กและที่เหมือนเป็นการย้อนสู่คืน วันเก่าๆ นั้นก็คือ “ชุด” หรือ “ร่างแปลง”ของมาริโอ ที่ห่างหายไปนานก็กลับมาอีกครั้ง ทั้ง “มาริโอไฟ” ที่สุดแสนคลาสสิก ,“มาริโอน้ำแข็ง” ที่สัมผัสน้ำให้กลายเป็นน้ำแข็ง, ”ชุดผึ้ง” ที่บินได้ ,“ชุดผี”ที่หายตัวเป็นจุดเด่น และ “ชุดสปริง”ที่ทำให้กระโดดสูง แถมด้วยการกลับมาของดาวที่ทำลายทุกสิ่ง ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนได้เล่น มาริโอ 3 ในแบบ 3 มิติกันเลยทีเดียว
สิ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือดนตรีประกอบที่ไพเราะมากๆ โดยในภาคนี้ใช้วงออร์เครสตร้า เต็มวง เพื่อบรรเลงเป็นธีมหลักของเรื่อง ที่ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมและสร้างบรรยากาศให้กับเกมได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นธีมของการผจญภัยในอวกาศที่ยิ่งใหญ่อลังการ จนถึงถ้ำใต้ทะเลที่ดูลึกลับ แถมธีมหลักๆของเกมยังแต่งได้เพราะจนสามารถนำไปเปิดฟังจริงๆได้ และยังได้นำเพลงภาคเก่าๆมากันเกือบครบ ทั้งเพลงจากมาริโอ 1 ,มาริโอ 3 และเพลงธีมของคุปป้าประจำมาริโอ 64 ก็กลับมากันครบ เรียกได้ว่าใครเป็นแฟนมาริโอได้เล่นไปพร้อมกับการรำลึกความหลังกันแน่นอน และแม้ผู้เขียนจะไม่ใช่คอเพลง แต่ขอบอกตรงๆ ว่านี่คือเพลงประกอบเกมที่ดีที่สุดในรอบหลายปี ที่ถ้ามี CD วางขายเมื่อไรต้องรีบหามาฟังแน่นอน สรุปแล้วสำหรับการเขียนรีวิวครั้งนี้ที่ผู้เขียนลงทุนซื้อแผ่นแท้ ยิ่งทำให้การคาดหวังในเกมสูง แต่มาริโอไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลยแม้แต่น้อย ทุกบาททุกสตางค์ที่เสียไปนั้น คุ้มค่ากับเกมที่ตั้งใจและใส่ใจทำในทุกๆรายละเอียด จนแทบไม่มีส่วนที่น่าเบื่ออยู่ในเกมเลย รวมทั้งความสนุกแบบเกมแอ็กชันบุกตะลุย หรือความสนุกแบบเกมที่ต้องแก้ไขปริศนาก็มีมาให้ครบทุกรส วิธีจัดการเจ้าคุปป้าที่มันสะใจ จนถึงบทสรุปสุดท้ายของเกมที่สร้างความประทับใจมากกว่าภาคไหนๆ การที่ได้นั่งเล่น ซูเปอร์ มาริโอ แกแล็กซี่นั้น เหมือนได้ย้อนเวลาไปเมื่อปี 1988 ตอนที่ได้นั่งเล่น “มาริโอ 3” อีกครั้งและสำหรับ ความสนุกระดับนี้คงให้คะแนนน้อยกว่านี้ไม่ได้จริงๆ
ระหว่างทางจะได้พบกับปริศนาให้แก้เช่นให้สไปเดอร์แมนข้ามไปอีกฟากเพื่อกด สวิตซ์ หรือให้ตัวละครทั้ง 2 ตัวเหยียบสวิตซ์เพื่อทำให้ประตูเปิด แต่ก็ไม่ได้ทำให้เกมดีขึ้นเท่าไรเพราะปริศนาง่ายเกินเหตุ และเมื่อไปจนถึงสุดฉากก็จะพบกับหัวหน้า เมื่อปราบได้แล้วก็จะนำมาเป็นพวกเพื่อเล่นในด่านต่อไปได้ ระบบพลังของเกมนี้หากตัวละครตัวใดตายจะสามารถฟื้นพลังให้เต็มได้เองเมื่อ เวลาผ่านไปสักพักจึงทำให้เกมง่ายสุดๆ ไปเลย นอกจากนี้ยังสามารถเล่นเครื่องเพื่อลุยและแก้ปริศนาพร้อมกัน 2 คนได้ด้วย










































